1. ประวัติการก่อตั้งของบริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (“TTW”)
สืบเนื่องจากในบริเวณพื้นที่ 7 จังหวัด ซึ่งได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และสมุทรสาคร มีการการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในอัตราสูงกว่าอัตราการเกิดน้ำบาดาลตามธรรมชาติ จึงทำให้เกิดปัญหาแผ่นดินทรุดและน้ำเค็มเข้าแทรกในชั้นน้ำบาดาล การประปาส่วนภูมิภาค (“กปภ.” หรือ “PWA”) จึงจัดทำเป็นโครงการให้เอกชนเข้าลงทุน ทำการก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปาผิวดิน ซึ่งใช้น้ำดิบจากแม่น้ำ ในพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ คือจังหวัดนครปฐม และสมุทรสาคร โดยมีสัญญาซื้อขายน้ำประปาผูกพันเป็นระยะเวลา 30 ปี ในการนี้ TTW เป็นบริษัทที่ได้รับเลือกให้ดำเนินโครงการดังกล่าว
TTW เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ในบริเวณจังหวัดนครปฐม และสมุทรสาคร ให้กับกปภ. (คลิ๊กที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพื่มเติม)
PTW เป็นชื่อที่บริษัทฯ ใช้อ้างอิงถึง บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทฯ ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 98 (ที่เหลืออีกร้อยละ 2 ถือหุ้นโดยการประปาส่วนภูมิภาค) PTW มีสัญญาซื้อขายน้ำประปากับการประปาส่วนภูมิภาค เป็นเวลา 25 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541(คลิ้กเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม)
4. สรุปสัญญาซื้อขายน้ำประปาของ TTW และ PTW ได้ดังนี้คือ
1. ปรับอัตราค่าน้ำประปา มีเงื่อนไขอย่างไร
ทุกเดือนมกราคมในแต่ละปี อัตราค่าน้ำประปาที่ TTW และ PTW ขายให้กับ กปภ. จะมีการปรับเปลี่ยนโดยใช้สูตรในการคำนวณดังต่อไปนี้
สำหรับ TTW
Pn+1 | อัตราค่าน้ำประปา ณ วันที่ 1 มกราคม ในปีที่ n+1 หน่วยเป็น ลบ.ม. และต้องปัดเศษของทศนิยมตำแหน่งที่ 7 ทิ้ง |
Pn | อัตราค่าน้ำประปา ณ วันที่ 1 มกราคม ในปีที่ n และมีค่าเริ่มต้นจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2542 เท่ากับ 13.900000 บาท / ลบ.ม. |
CPIn-1 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคกลาง ที่ประกาศโดยกองดัชนีเศรษฐกิจการค้า กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ สำหรับเดือนธันวาคม ณ ปีที่ n-1 และมีค่าเริ่มต้นสำหรับเดือนธันวาคม 2541 เท่ากับ 128.1 |
CPIn | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคกลางสำหรับเดือนธันวาคม ณ ปีที่ n (*) |
K | ค่าคงที่ในการปรับอัตราค่าน้ำประปา ค่าคงที่ (K) จะมีค่า |
สำหรับปีที่ 1 ถึงปีที่ 7 (พ.ศ. 2543 ถึง พ.ศ. 2549) มีค่าเท่ากับ 1.03000 | |
สำหรับปีที่ 8 ถึงปีที่ 10 (พ.ศ. 2550 ถึง พ.ศ. 2552) มีค่าเท่ากับ 1.02500 | |
สำหรับปีที่ 11 ถึงปีที่ 14 (พ.ศ. 2553 ถึง พ.ศ. 2556) มีค่าเท่ากับ 1.01000 | |
สำหรับปีที่ 15 (พ.ศ. 2557) เป็นต้นไป มีค่าเท่ากับ 1.00000 | |
(*) | หากในเดือนธันวาคมของปีใดๆ (n) ค่า CPI ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ เพื่อใช้ในการคำนวณอัตราค่าน้ำประปา (1 มกราคมของปีที่ n+1) แล้ว อัตราค่าน้ำประปาของเดือนในปีถัดไปจะใช้อัตราค่าน้ำประปาของปีก่อนจนกระทั่งค่าดัชนี (CPI) ถูกประกาศใช้และจะต้องนำค่าดัชนี (CPI) มาคำนวณ อย่างไรก็ตาม หากมีการคำนวณปรับค่าอัตราค่าน้ำประปาได้ตามที่ควรจะเป็นแล้ว อัตราค่าน้ำประปาในแต่ละเดือนจะถูกปรับให้เท่ากับเดือนนั้นๆ โดยผู้ซื้อต้องชำระชดเชยส่วนที่ขาด นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของปีที่ n+1 จนถึงวันที่ได้ปรับอัตราค่าน้ำประปานั้น มูลค่าของการปรับชดเชยอัตราค่าน้ำประปานี้เท่ากับปริมาณน้ำประปาที่ได้รับในปีที่ n+1 ณ อัตราค่าน้ำประปาเท่ากับ Pn คูณด้วยผลต่างอัตราค่าน้ำประปาของ Pn กับ Pn+1 |
สำหรับ PTW
BWCi+1 | อัตราค่าน้ำประปา ณ วันที่ 1 มกราคม ในปีที่ i+1 |
BWCi | อัตราค่าน้ำประปา ณ วันที่ 1 มกราคม ในปีที่ i |
CPIi | ดัชนีราคาผู้บริโภคของทั่วประเทศ ที่ประกาศโดยกองดัชนีเศรษฐกิจการค้า กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ สำหรับเดือนกรกฎาคม ณ ปีที่ i (เริ่มจากปีพ.ศ. 2541) |
CPIi-1 | ดัชนีราคาผู้บริโภคของทั่วประเทศ ที่ประกาศโดยกองดัชนีเศรษฐกิจการค้า กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ สำหรับเดือนกรกฎาคม ณ ปีที่ i-1 |
อัตราค่าน้ำประปาดังกล่าวเป็นอัตราที่คิดตามสภาวะน้ำดิบตามปกติทั่วไป อ้างอิงจากคุณภาพน้ำดิบตามที่กำหนดในสัญญาซื้อขายน้ำประปา ทั้งนี้หากคุณภาพน้ำดิบไม่เป็นไปตามมาตรฐานน้ำดิบที่กำหนดไว้โดยมิใช่ความผิดของบริษัทฯ บริษัทฯ สามารถปรับอัตราค่าน้ำประปาให้เป็นไปเพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้
2. ค่า K ในสัญญาซื้อขายน้ำประปาของ TTW คืออะไร
ค่าคงที่ที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยกำหนดขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่า อัตราค่าน้ำประปาจะมีการปรับขึ้นในช่วงปีแรกๆ ของการดำเนินกิจการซึ่งมีความเสี่ยงสูง เนื่องมาจากเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ
ปีที่ 1 ถึงปีที่ 7 (พ.ศ. 2543 – 2549) = 1.03000
ปีที่ 8 ถึงปีที่ 10 (พ.ศ. 2550 – 2552) = 1.02500
ปีที่ 11 ถึงปีที่ 14 (พ.ศ. 2553 – 2556) = 1.01000
PTW ทำสัญญาซื้อขายน้ำกับกปภ. ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดำเนินไปตามปกติ การคำนวณค่าน้ำจึงคำนวณโดยใช้ค่า CPI เท่านั้น
5. ราคาค่าน้ำ ณ ปัจจุบันเป็นเท่าไหร่
TTW ปริมาณน้ำประปาที่ขายไม่เกิน 300,000 ลบ.ม./วัน คิดราคา 24.46 บาท/ลบ.ม.
TTW ปริมาณน้ำประปาที่ขายเกิน 300,000 ลบ.ม./วัน คิดราคา 9.78 บาท/ลบ.ม.
PTW 10.99 บาท/ลบ.ม.
(ข้อมูล ณ วันที่ 1 ม.ค. 53)
1. ต้นทุนการผลิตของบริษัทฯ มีอะไรบ้าง
ต้นทุนหลักๆ ในการดำเนินงานของบริษัทฯ มี 5 รายการ คิดเป็นสัดส่วนโดยประมาณดังตาราง
TTW | PTW | |
ค่าเสื่อมราคา | 50% | 47% |
ค่าไฟฟ้า | 28% | 27% |
ค่าสารเคมี | 12% | 18% |
ค่าเช่าที่ดิน | 3% | - |
อื่นๆ | 7% | 8% |
2. ปริมาณน้ำสูญเสียของ TTW และ PTW คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์
1% และ 5% ของยอดผลิตน้ำประปาของ TTW และ PTW ตามลำดับ
3. หากน้ำดิบมีคุณภาพแย่ลง จะมีผลกระทบต่อบริษัทฯ อย่างไร
ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น เพราะต้องใช้สารเคมีมากขึ้นในการผลิตน้ำประปา อย่างไรก็ตาม ในสัญญาซื้อขายน้ำระหว่างบริษัทฯ กับ การประปาส่วนภูมิภาคได้มีการกำหนดไว้ว่า หากน้ำดิบมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานมาก บริษัทฯ สามารถเรียกร้องค่าชดเชยจากการประปาส่วนภูมิภาคสำหรับค่าใช้จ่ายด้านสารเคมีที่เพิ่มขึ้นได้ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น เพราะต้องใช้สารเคมีมากขึ้นในการผลิตน้ำประปา อย่างไรก็ตาม ในสัญญาซื้อขายน้ำระหว่างบริษัทฯ กับ การประปาส่วนภูมิภาคได้มีการกำหนดไว้ว่า หากน้ำดิบมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานมาก บริษัทฯ สามารถเรียกร้องค่าชดเชยจากการประปาส่วนภูมิภาคสำหรับค่าใช้จ่ายด้านสารเคมีที่เพิ่มขึ้นได้
1. บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (“อีสท์ วอเตอร์”) เป็นคู่แข่งของบริษัทฯ หรือไม่
ไม่ใช่ เนื่องจาก อีสท์ วอเตอร์ มีธุรกิจหลักคือ การส่งจ่ายน้ำดิบโดยนำน้ำจากอ่างเก็บน้ำไปจ่ายให้นิคมอุตสาหกรรม
นอกเหนือจาก กปภ. แล้ว บริษัทฯ ไม่มีคู่แข่งทางตรงที่มีศักยภาพเท่าเทียมกัน ภายในพื้นที่ให้บริการ คู่แข่งของบริษัทฯ คือ ผู้ผลิตน้ำประปารายย่อย เช่น อบต. อบท. และ หมู่บ้าน ซึ่งสูบน้ำบาดาลขึ้นมาจ่ายให้ประชาชนในบริเวณพื้นที่ของตัวเอง
1. ความเสี่ยงที่จะไม่ได้ปรับขึ้นอัตราค่าน้ำประปามีหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้อัตราเงินเฟ้อค่อนข้างสูง
ในสัญญาซื้อขายน้ำระหว่าง กปภ. และบริษัทฯ ระบุไว้อย่างชัดเจนในเรื่องการปรับราคาค่าน้ำประปารายปี รวมทั้งไม่มีการระบุเงื่อนไขอื่นใดที่จะทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปรับค่าน้ำประปาได้
รัฐวิสาหกิจที่ทำหน้าที่ ผลิต จัดส่ง และจำหน่ายน้ำประปาทั่วประเทศ ยกเว้นในเขตจังหวัด กรุงเทพฯ นนทบุรี และ สมุทรปราการ ทั้งนี้รวมถึงการสำรวจ และจัดหาแหล่งน้ำดิบที่จะนำมาผลิตน้ำประปาด้วย
2. กปภ. คิดค่าน้ำจากผู้ใช้น้ำอย่างไร
กปภ. ใช้นโยบายในการคิดอัตราค่าน้ำเป็นราคาเดียวกันทั่วประเทศแม้ว่าต้นทุนการผลิตของกปภ. เอง จะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม กปภ. แบ่งประเภทของลูกค้าออกเป็น 3 ประเภท คือ ภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม โดยคิดค่าน้ำในอัตราก้าวหน้า กล่าวคือ ราคาค่าน้ำต่อลูกบาศก์เมตรในแต่ละช่วงปริมาณการใช้น้ำจะไม่เท่ากัน โดยการใช้น้ำในปริมาณมากจะเสียค่าน้ำต่อลูกบาศก์เมตรสูงกว่าการใช้น้ำในปริมาณน้อย
อัตราค่าน้ำขั้นต่ำในปัจจุบันเป็นดังนี้
ภาคครัวเรือน 10.20 บาท / ลบ.ม.
ภาคธุรกิจ 11.45 บาท / ลบ.ม.
ภาคอุตสาหกรรม 12.50 บาท / ลบ.ม.
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://www.pwa.co.th/service/tariff_rate.html
คลิ๊กที่นี่เพื่อดู รายชื่อผู้ถือหุ้นจำนวนสูงสุด 10 รายแรก
2. มีกรรมการ และผู้บริหาร ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่บ้างหรือไม่
คลิ๊กทีที่นี่เพื่อดู "การถือหุ้นของกรรมการและผู้บริหาร"
1. ทำไมอัตราค่าน้ำบาดาลจึงแพงกว่าอัตราค่าน้ำประปา
เพราะการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ จะต้องมีค่าใช้จ่ายดังนี้
1. ค่ารักษาบ่อบาดาล 8.50 บาท / ลบ.ม.
2. ค่าใช้น้ำบาดาล 8.50 บาท / ลบ.ม.
ซึ่งรวมแล้วเป็น 17 บาท / ลบ.ม. ในขณะที่น้ำประปาที่การประปาส่วนภูมิภาคเรียกเก็บอัตราค่าน้ำประปาขั้นต่ำในราคา 10.20 บาท / ลบ.ม. สำหรับภาคครัวเรือน 11.45 บาท / ลบ.ม. สำหรับภาคธุรกิจ และ 12.50 บาท / ลบ.ม. สำหรับภาคอุตสาหกรรม
1. เงินปันผลสามารถนำไปเครดิตภาษีได้หรือไม่
ไม่ได้ เนื่องจากบริษัทฯ จ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เป็นเวลา 8 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 - 2555)
1. ขณะนี้บริษัทฯ ออกหุ้นกู้ไปแล้วเท่าไหร่
ขณะนี้บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ไปแล้ว 7,000 ล้านบาท เมื่อต้นปี 2552 คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดที่นี่